แนะนำไอเดียสำหรับคนที่เบื่อผมย้อมดำและอยากเปลี่ยนสี

เรียกได้ว่าเผลอแป๊บเดียว ปี 2024 ก็กำลังจะหมดไป ปี 2025 เตรียมเข้ามาทักทายกันแล้ว ถือเป็นช่วงเวลาที่เพอร์เฟกต์สำหรับการปรับลุคเสริมความมั่นใจ ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาอัปเดตเทรนด์สีผมกัน เผื่อเป็นไอเดียให้หลายคนที่คิดจะบอกลาผมย้อมดำแบบเดิม ๆ อยากเปลี่ยนสี แต่ก็ยังไม่เจอสีโดนใจ ไปดูพร้อมกันเลยว่าตอนนี้มีสีไหนบ้างที่ย้อมแล้วรับรองว่าไม่ตกเทรนด์

สำรวจเทรนด์สีผมตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปีหน้า

หลังจากที่ต้องอยู่แต่บ้าน ไม่ได้เปลี่ยนสีผมนานนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด สาว ๆ หลายคนคงรู้สึกอัดอั้นและอยากปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ผ่านสีผม ดังนั้น เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย สิ่งที่เกิดขึ้นคือเทรนด์สีผมจัดจ้านกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2023 เรื่อยมาจนถึงต้นปี 2024 ซึ่งสีผมที่มักได้รับความนิยมก็จะมีตั้งแต่ Neon, Pastel, และ Multi-colored ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการแฟชั่นอย่างมาก

อย่างไรก็ดี เมื่อได้ระบายความอัดอั้นกันจนเต็มที่แล้ว ก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เพราะในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2024 ไปจนถึงปี 2025 เทรนด์สีผมหันกลับมาสู่โทนสีที่ดูธรรมชาติมากขึ้น หรือที่เรียกว่า “Feel Good Color” ซึ่งเน้นไปที่โทนสีอุ่น ๆ ที่ให้ความรู้สึกสบายตาและดูเป็นธรรมชาติ

5 สีผมที่น่าจะมาแรงในปี 2025

1. Caramel Swirl: สีคาราเมลที่ให้ความรู้สึกหวานละมุน เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่อยากเปลี่ยนสีผมและต้องการลุคอ่อนหวานแต่มีเสน่ห์ สีนี้เข้าได้ดีกับทุกสีผิว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมิติให้กับเส้นผมได้อย่างดี

การทำสีผม Caramel Swirl กับ MOGA

2. Lavender Haze: สีม่วงอ่อนแสนละมุนชวนฝัน เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่เบื่อผมย้อมดำ อยากเปลี่ยนสีผมให้มีความแปลกใหม่แต่ไม่จัดจ้านเกินไป นอกจากนั้นสีนี้ยังช่วยให้ใบหน้าดูสว่างสดใสขึ้นอีกด้วย

การทำสีผม Lavender Haze กับ MOGA

3. Champagne Blonde: สีบลอนด์ที่มีการผสมสีเงินเล็กน้อย ทำให้ดูสว่างหรูหรา เป็นสีที่อยู่ระหว่างความธรรมชาติกับความโดดเด่นอย่างลงตัว ใครที่ชอบลุคดูแพงแต่ไม่ก็อยากแรงจนเกินไปสี Champagne Blonde คือคำตอบ

การทำสีผม Champagne Blonde กับ MOGA

4. Rose Gold Balayage: เทคนิคการทำสีผมแบบไล่ระดับด้วยสีโรสโกลด์ ให้ลุคที่ดูหวานแต่มีความทันสมัย เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการลุคที่ไม่ธรรมดาแต่ก็ไม่โดดเด่นจนเกินไป

การทำสีผม Rose Gold Balayage กับ MOGA

5. Sage Green: สีเขียวสดใสอมเทา ให้ความรู้สึกสงบเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่อยากเปลี่ยนสีผมเพื่อสร้างลุคที่แปลกใหม่ และมีความน่าสนใจ โดยสีนี้เหมาะกับคนผิวขาวและผิวสองสี

การทำสีผม Sage Green กับ MOGA

เทคนิคการเลือกสีผมให้เหมาะกับตัวเอง

เมื่อเบื่อผมย้อมดำและอยากเปลี่ยนสีผมใหม่ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรเลือกย้อมผมสีไหนดี คำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดคือ ต้องไม่คำนึงถึงแต่เรื่องเทรนด์เท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือความเหมาะสมกับตัวเอง เพราะไม่ใช่ผมหนึ่งสีจะดูดีได้กับทุกคน และนี่คือเทคนิคที่จะช่วยให้คุณเลือกสีผมได้อย่างมั่นใจ

1. พิจารณาสีผิว

  • ผิวขาวอมชมพู: เหมาะกับสีผมโทนเย็น เช่น บลอนด์เย็น น้ำตาลเข้ม
  • ผิวสองสี: เหมาะกับสีผมโทนอุ่น เช่น น้ำตาลทอง แดงทอง
  • ผิวเข้ม: เหมาะกับสีผมเข้มหรือสว่างจัด เช่น น้ำตาลเข้ม บลอนด์แพลทินัม

2. คำนึงถึงสีตา: สีตาสามารถช่วยเสริมให้สีผมดูโดดเด่นขึ้นได้

  • ตาสีน้ำตาล: เข้ากับสีผมได้หลากหลาย โดยเฉพาะโทนอุ่น
  • ตาสีฟ้าหรือเขียว: เหมาะกับสีผมโทนเย็นหรือสีที่ตัดกัน เช่น แดงเข้ม

3. พิจารณาอาชีพและไลฟ์สไตล์: แน่นอนว่าอาชีพมีผลต่อการเลือกสีผม หากทำงานในสายอาชีพที่ต้องมีลุคสุภาพ สีโทนธรรมชาติหรือไม่ฉูดฉาดมากย่อมเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ในทางกลับกัน หากคุณทำงานสายสร้างสรรค์ เช่น แฟชั่นหรือศิลปะ ก็สามารถเลือกสีที่ฉูดฉาดได้อย่างอิสระ

4. คำนึงถึงการดูแลรักษา: สีผมแต่ละสีมีวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน เช่น สีบลอนด์อ่อนหรือสีพาสเทลอาจต้องการการดูแลมากกว่า เนื่องจากสีเหล่านี้มักจางเร็ว ดังนั้น หากคุณไม่มีเวลาในการดูแลผมเป็นประจำ สีผมที่ใกล้เคียงสีธรรมชาติอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

ร้านทําสีผมออร์แกนิกช่วยให้เส้นผมยังคงมีคุณภาพดีแม้จะต้องย้อมสี

เคล็ดลับการดูแลผมย้อมสี

เมื่อได้ไอเดียแล้วว่าจะย้อมผมสีไหนดี เรื่องต่อไปที่ควรรู้คือการดูแลรักษาเส้นผมที่ย้อมสี โดยเคล็ดลับที่จะช่วยให้สีผมของคุณสวยปังอยู่เสมอ สามารถทำได้ดังนี้

  1. ใช้แชมพูสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ: ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยรักษาสีผมให้สดใสและป้องกันการซีดจาง
  2. หลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำร้อน: น้ำร้อนจะเปิดเกล็ดผม ทำให้สีผมหลุดลอกได้ง่าย ควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็นแทน
  3. ใช้ Heat Protectant: ก่อนใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมที่ใช้ความร้อน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนเพื่อป้องกันสีผมซีดจาง
  4. ทำทรีตเมนต์บำรุงผมสม่ำเสมอ: เพื่อช่วยฟื้นฟูผมที่อาจแห้งเสียจากการย้อมสี ควรทำทรีตเมนต์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
  5. พักผมบ้าง: ไม่ควรเปลี่ยนสีผมบ่อยเกินไป ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 6-8 สัปดาห์ระหว่างการย้อมแต่ละครั้ง เพื่อให้ผมได้พักฟื้น

MOGA ร้านทําสีผมออร์แกนิก พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการทำสีผมโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ

ถ้าอยากเปลี่ยนสีผมเพื่อเพิ่มความสดใสให้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ แนะนำที่ MOGA ร้านทําสีผมออร์แกนิกพรีเมียมสไตล์ญี่ปุ่น เราพร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการดูแลและทำสีด้วยเทคนิคที่หลากหลาย และตรงกับสไตล์ของคุณมากที่สุด พบกับเราได้ที่สาขา Central Embassy, Siam Paragon, CentralWorld, Emquartier, Iconsiam และ Central Chidlom หรือติดต่อขอรับคำแนะนำการดูแลเส้นผมจากช่างผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยที่ LINE: @MOGA

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Fall 2024: The best hair colour trends to try this autumn. สืบค้นเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 จาก https://www.voguescandinavia.com/articles/autumn-fall-hair-color-trends-2024